“Due Diligence” ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ผู้ประกอบการหลายๆท่านอาจเพิ่งเริ่มธุรกิจหรือต้องการระดมเงินทุนให้กับธุรกิจของท่าน ซึ่งหากพวกท่านได้ดูเเนวทางในการระดมทุนทางธุรกิจอาจรู้จัก VC (Venture Capital) หลาย ๆ เจ้า หรือ รายการทางโทรทัศน์อย่าง Shark Tank ซึ่งพวกท่านจะสามารถได้ยินคำๆนึงซึ่งทางตัวนักลงทุนได้พูดถึงกันอย่างเป็นประจำนั่นคือ Due Diligence

Screen Shot 2021-03-04 at 6.38.21 PM.png

วันนี้ทาง Bizz Up จะพาพวกท่านมารู้จักกับ Due Diligence สำหรับธุรกิจ Start Up ให้มากขึ้น เนื่องจากการทำ Due Diligence ของ  Start Up นั่นเเตกต่างกับ SMEs อย่างสิ้นเชิงเนื่องจากทางผู้ลงทุนจะให้ Valuation กับบริษัทโดยตัดสินจากผลประกอบการในอนาคต ซึ่งการ Due Diligence ของ SMEs จะตัดสินจากผลประกอบการปัจจุบันโดยอิง Book Value เป็นหลัก…………อย่างไรก็ตามก่อนที่จะได้ทำ Due Diligence ทาง Start Up ต้องมีการนัดประชุมกับทางผู้ลงทุนในการทำความเข้าใจธุรกิจ เเนวทาง เเละ เป้าหมาย ของบริษัท เเล้วหลังจากนั้นทางผู้ลงทุนจะให้ทีมงานเข้ามาทำ Due Diligence ต่อมานั่นเอง

Screen Shot 2021-03-05 at 12.09.02 PM.png

Due Diligence นั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็น ขั้นตอนในการระดมทุนทางธุรกิจของ VC หรือ Private Fund ใน Start Up ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาราวๆ 3-4 สัปดาห์ (ในกรณีที่เอกสารทุกอย่างครบ) โดยเน้นไปทางการดูความเสี่ยงที่อาจมีผลในอนาคต ซึ่งทางนักลงทุนอาจหาวิธีลดความเสี่ยงก่อนจะเข้าร่วมลงทุน ซึ่งสามารถเเบ่งได้เป็น 3 หัวข้อ นั่นก็คือ บัญชี กฏหมาย เเละ มูลค่าธุรกิจ

Screen Shot 2021-03-05 at 3.47.20 PM.png

บัญชี (Accounting)

บัญชีนั้นเป็นจุดที่ Start Up มีปัญหามากๆครับ เพราะด้วยความเป็น Start Up นั่นเอง เพราะบางครั้งอยู่ดีๆก็มี รายรับ หรือ ค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมา ผนวกไปกับการจัดเก็บข้อมูลทางบัญชีที่ไม่ค่อยจะดีซึ่งสามารถเห็นได้จาก Start Up หลายๆที่ ทำให้ต้องมานึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างไม่ว่าจะเป็นทางด้านรายรับ เเละรายจ่ายตอนทำ Due Diligence จึงอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในขั้นตอนนี้ได้นั่นเองครับ ฉะนั้นทาง Bizz Up อยากเเนะนำให้ Start Up ทั้งหลายให้ความสำคัญกับการจัดเก็บเอกสารมาก ๆ ตั้งเเต่ก่อตั้งบริษัท ไม่ว่าจะเป็นสัญญา หลักฐานการกู้ยืมเงิน รายรับ เเละ รายจ่าย เพราะมันจะทำให้ง่ายต่อการไล่ดูข้อมูลนั่นเองครับ

กฏหมาย (Law and Regulations)

อย่างที่กล่าวไปข้อก่อนหน้าครับ Start Up ควรมีการจัดเก็บเอกสารที่ดีเนื่องจากจะได้ไม่เกิดปัญหาในการขาดขายของเอกสารสำคัญเช่น เอกสารทางด้านภาษี ผู้ถือหุ้น หรือ การจดจัดตั้งบริษัท ซึ่งจำเป็นมากๆในการทำการระดมทุน หรือ ใน Tech Start Up บางรายอาจมี IP (Intellectual Property) ที่ต้องการการปกป้อง ซึ่ง Start Up ควรจะดูว่าทางบริษัทสามารถปกป้อง IP ได้หรือไม่ เเละ เก็บเอกสารไว้ให้ดีนั่นเองครับ

มูลค่าธุรกิจ (Valuation)

มูลค่าธุรกิจนั้นสำคัญมากๆครับ เพราะบางทีทาง Start Up มีเงินไม่พอในการใช่จ่ายซึ่งอาจมีการกู้ยืม ซึ่งในบางครั้งทำให้เกิดหนี้ที่ไม่ได้บันทึกไว้ ซึ่งทางผู้ลงทุนอาจต้องขอให้ทางผู้ก่อตั้งหรือผู้ถือหุ้นไปเดินเรื่องจัดการเคลียร์หนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีการลงทุนเกิดขึ้นซึ่งโดยปกติเเล้วหนี้จะมีจำนวนที่ไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไรนัก ฉะนั้น โดยส่วนใหญ่เเล้วถ้าทาง Start Up ไม่ได้สามารถเคลียร์หนี้ส่วนนี้ได้เอง ทางผู้ลงทุนจะขอหักส่วนนี้ไปจาก Valuation เพื่อที่จะเอาไปเคลียร์หนี้นั่นเองครับ

Screen Shot 2021-03-05 at 3.50.16 PM.png

อยากจะฝากถึง Start Up ทุกๆแห่งนะครับ ว่าให้ศึกษาเรื่อง Valuation เเละ สัญญา เช่น สัญญาซื้อ/ ขาย สัญญากู้ยืม หรือ สัญญาพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทตัวเองให้ดี ๆ นะครับ เพราะ จะได้ไม่เกิดปัญหาทีหลัง ซึ่ง Valuation ของทางเราควรจะอิงไปกับโลกความจริงเเละแผนการดำเนินงานของบริษัท เเละ สัญญานั่นถือได้ว่าเป็นหลักฐานสำคัญทางกฏหมายที่บังคับเราให้ทำตามจนกว่าจะจบครบนั่นเองครับ



Opinion sharing by

BizzUp Team

Next
Next

จาก “PASSIVE” สู่ “ACTIVE”เปลี่ยนได้ ด้วยการสร้าง ‘WOW Factor’